จิมมี่ คอนเนอร์สกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า 95% ของการเล่นเทนนิสเป็นเรื่องเกี่ยวข้องโดยตรงกับจิตใจ เขาให้เหตุผลว่าส่วนใหญ่นักเทนนิสในระดับอาชีพจะมีทักษะการเล่นและสภาพร่างกายที่เยี่ยมยอดใกล้เคียงกันมาก แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างที่ทำให้มีความแตกต่างระหว่างผู้ชนะกับผู้แพ้คืออารมณ์, สมาธิ, และสภาพจิตใจในขณะแข่งขัน ในการแข่งขันระดับเยาชนก็เช่นกัน เมื่อเด็กที่มีความสามารถใกล้เคียงกันแข่งกัน สภาพอารมณ์และจิตใจจะเป็นตัวกำหนดไม่เพียงแต่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะหรือแพ้เท่านั้น แต่จะรวมถึงความพึงพอใจในคุณภาพของการเล่นในแต่ละครั้งอีกด้วย
จากการศึกษาวิจัยพบว่าสภาวะจิตใจ (Mental) มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อระดับการเล่นเทนนิส การตอบสนองของระบบประสาทอัตโนมัติของร่างกายเรา (เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ, อุณหภูมิของผิวหนัง, การเกร็งของกล้ามเนื้อ...ฯลฯ) ซึ่งเดิมเคยเชื่อกันว่าไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจ อันที่จริงแล้วพบว่าได้รับผลโดยตรงจากความคิดและสภาวะจิตใจของเรา ซึ่งตรงกับภาษิตไทยที่ว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
สำหรับเด็กเล็ก (6 13 ขวบ) โดยธรรมชาติของเด็ก เด็กจะทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดีก็ต่อเมื่อเขารู้สึกสนุก ท้าทายได้รับความสนใจและคำชมจากผู้ปกครอง เทนนิสก็เช่นกัน ถ้าเด็กเล่นแล้วรู้สึกไม่สนุก เบื่อหรือรู้สึกว่าถูกตำหนิบ่อยๆจากผู้ปกครองแล้ว ระดับการเล่นของเขาก็จะลดลงไปและถ้าเด็กรู้สึกกดดันมากๆเข้า ก็อาจจะเลิกเล่นไปเลย
เอกสารฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายให้ผู้ปกครองเข้าใจถึงความสำคัญของสภาพจิตใจที่มีผลต่อการเล่นเทนนิส ให้เข้าใจถึงความสำคัญและอิทธิพลของผู้ปกครองที่มีผลต่อสภาพจิตใจเด็ก และที่สำคัญคือทำอย่างไรจึงจะทำให้เด็กเล่นและแข่งขันเทนนิสได้เต็มความสามารถและอย่างมีความสุข